USB 3.0 สัมผัสความแรงในการส่งข้อมูลแบบใหม่

แนะนำ

ในยุคที่การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วนั้น เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้วในปี 2000 นั้นทาง intel กำลังผลักดันให้ Pentium III ของตนให้เป็นที่นิยมในตลาด 3dfx ยังคงเป็นจ้าวของวงการกราฟฟิค และ windows xp ก็กำลังจะใกล้คลอด และหลายๆ สิ่งก็ได้เปลี่ยนไปในปีเดียวกันนี้นั้นเมื่อทั่วโลกก็ได้รู้จักกับ USB 2.0 ที่มีการส่งข้อมูลเร็วขึ้นมากกว่า usb ดั้งเดิมแต่อย่างไรก็ตามเมื่อผู้ใช้งานทั่วไปนั้นมีความต้องการในการรับส่ง ข้อมูลที่มีปริมาณมากมายมหาศาลมากกว่าเดิม เห็นทีเจ้า USB 2.0 นั้นจะแรงไม่พอซะแล้ว

จากรูปจะเห็นตัวอักษร SS ซึ่งย่อมาจาก Super Speed หรืออีกชื่อหนึ่งของ USB 3.0 นั่นเอง

สเปคอย่างเป็นทางการของ USB 3.0 หรือ Super Speed นั้นได้ระบุว่าจะมีความเร็วในการส่งข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 5Gbps หรือประมาณ 600Mb/s ซึ่งก็เป็นความเร็วในทางทฤษฎีเท่านั้น ซึ่งเมื่อหักค่า overhead หรือคอขวดต่างๆ ออกแล้วก็อาจจะเหลือน้อยกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นที่น่าสังเกตว่าสัดส่วนของความเร็วที่เพิ่มขึ้นนั้นน้อย กว่าเมื่อสมัยที่ตอนที่ USB 2.0 ออกมาแทน 1.0 อยู่มากทีเดียว กล่าวคือ USB ฉบับดังเดิมนั้นมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 12Mbps และ USB 2.0 อยู่ที่ 480Mbps! เพิ่มขึ้นกว่า 40 เท่าตัวเลยทีเดียว เมื่อเทียบกันดูแล้วนั้น USB 3.0 มีความเร็วในการรับส่งข้อมูลมากกว่าเดิมเพียงราวๆ 10 เท่า

อย่างไรก็ตามเจ้า USB Super Speed นี้นั้นก็น่าจะสามารถรองรับกับ storage และขนาดของข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากได้อย่างสบายๆ ซึ่งเมื่อหักค่า protocol overhead และคอขวดต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระห่ว่างการรับส่งข้อมูลแล้วนั้นความเร็วสูงสุด ณ ขณะที่ใช้งานจริงๆ ก็อาจจะเหลืออยู่ที่ราวๆ 400mb/s ซึ่งเปรียบเทียบกับความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดฮาร์ดดิสต์แบบ Serial ATA ที่เร็วเพียงประมาณ 150mb/s นั้น ก็นับได้ว่า USB 3.0 ยังมีความเร็วที่เอาเรื่องอยู่

ถึงแม้ว่า USB 3.0 จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2008 แล้วนั้น ก็ยังคงได้รับการตอบรับจากผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เป็นจำนวนน้อย แม้แต่ชิพเซตล่าสุดของ intel อย่าง P55 ที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่กี่เดือนที่แล้วนั้นก็ยังคงไม่สนับสนุนเจ้า USB 3.0 นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวลือว่าชิพเซตของ intel จะไม่มีการรองรับ USB 3.0 จนกว่าจะถึงปี 2011 และทาง nvidia และ AMD นั้นก็ยังคงไม่มีการประกาศแผนที่จะสนับสนุนความสามารถดังกล่าวสำหรับชิพเซต ของตัวเอง
อย่างไรก็ตามพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปง้อบริษัทดังกล่าวอีกต่อไปกว่าจะ สามารถยลโฉมความแรงของ USB 3.0 กันเพราะทาง NEC นั้นได้ออกตัว controller usb 3.0 ออกมากันแล้วครับ ภายใต้ชื่อรุ่น D720200 ซึ่งประกอบไปด้วยพอร์ต USB 3.0 หนึ่งคู่ เชื่อมต่อผ่านทาง PCI-Express 2.0 แต่เนื่องมาจากว่า PCI Express นั้นสามารถรองรับการส่งข้อมูลได้สูงสุดเพียง 500Mb/s เท่านั้น ก็นับได้ว่าตัว controller ของ NEC เองยังไม่สามารถใช้ความเร็วสูงสุดของ USB 3.0 ได้อยู่ดี

ถึงแม้จะมีปัญหาคอขวดตามที่ได้กล่าวไปแล้วทาง Gigabyte นั้นก็ได้ทำการนำ controller ของ NEC ดังกล่าวไปแปะใช้กับเมนบอร์ดรุ่นสูงๆ ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางคู่แข่งอย่าง Asus เองนั้นก็ได้นำตัว controller ดังกล่าวไปใช้กับเมนบอร์ดของตัวเองด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นทาง Asus ยังได้ออก add-in การ์ดออกมาภายใต้ชื่อ u3s6 ซึ่งประกอบไปด้วยชิพ D720200 และ Serial ATA 6Gbps Controller ของ Marvell รุ่น 88SE9123 อีกด้วยเพื่อรองรับความเร็วในการส่งข้อมูลของฮาร์ดดิสต์ที่เพิ่มขึ้น

ภาพของ Asus U3S6

Port USB 3.0 ครับ

และในวันนี้เราจะมาดูความเร็วของเจ้า USB 3.0 ที่เชือมต่อผ่านทาง add-in การ์ดตัวนี้กันครับ


ทดสอบประสิทธิภาพ

ในการที่เราจะทดสอบให้เห็นประสิทธิภาพของ USB 3.0 ได้นั้น ก็จำเป็นที่ต้องมีอุปกรณ์ที่รอบรับ USB 3.0 ด้วยเช่นกัน และในวันนี้นั้นเราก็ได้ทำการยัดฮาร์ดดิสต์ Seagate รุ่น Barracuda 7200.12 ความจุ 500 GB ซึ่งมีความเร็วในการส่งข้อมูลไม่ได้ใกล้เคียงกับระดับ 600mb/s ของ USB 3.0 เลย แต่เราก็ได้ทำการแก้เกมโดยการยัดดิสต์ตัวดังกล่าวใส่ใน Enclosure ที่มีการเชื่อมต่อภายนอกผ่านทาง USB 3.0 ของทาง Vantec ที่ทาง Asus ได้ส่งมาให้ทางเราได้ทดสอบกันครับ

สังเกตุดูนะครับว่า ในรูปข้างบนนั้นจะสังเกตุเห็นพอร์ต USB 3.0 Type B ซึ่งมีความแตกต่างกับของ USB 2.0 อยู่หน่อยนึง สำหรับ Type B นั้น ช่องซ็อกเก็ต USB 3.0 สามารถรองรับสาย USB 2.0ได้ แต่เราไม่สามารถนำสาย USB 3.0 มาใส่ในพอร์ต USB 2.0 ได้นะครับ (งงป่าวเอ่ย?)

แต่สำหรับพอร์ตและสายแบบ Type A ที่เราเห็นๆ กันตามด้านหลังเครื่องคอมพ์และโน้ตบุคทั่วๆ ไปนั้นก็ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เพราะ เราสามารถทำอุปกรณ์ USB 2.0 ไปใส่ในช่องเสียบแบบ USB 3.0 และในทางกลับกันได้ครับ โดยที่เนื่องจาก USB 3.0 นั้นมีโครงสร้างการทำงานแบบ dual-bus architecture นั้นก็เลยอนุญาตให้ทั้ง USB 2.0 และ 3.0 สามารถทำงานพร้อมๆ กันได้ที่ความเร็วสูงสุงของมันเอง

เพื่อที่จะรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างสูงสุดนั้น เราได้ทำการจับเจ้า U3S6 ใส่ในช่อง PCI Express x16 ของบอร์ด Asus P755D Premium ซึ่งมีการเชื่อมต่อแบบ 8 เลน ภายใต้ความแรงของCPU Core I7-870 แล้วเราก็ได้ต่อเจ้า enclosure ของเราผ่านทางพอร์ต USB 3.0 ของ U3S6 และทำการทดสอบโดยใช้โปรแกรม HDTach นอกจากนั้นเราก็ยังได้ทำการทดสอบอย่างเดียวกันแต่ต่อผ่านทางพอร์ต USB 2.0 แทนเพื่อให้เห็นประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย จากนั้นเราก็ได้งัดเจ้า Barracuda ออกมาจาก Enclosure และต่อโดยตรงผ่านทางพอร์ต Serial ATA เพื่อดูประสิทธิภาพอีกด้วยครับ

จากภาพนั้นเราสามารถดูได้เลยว่า USB 3.0 นั้นมีความเร็วในการส่งข้อมูลมากกว่า USB 2.0 ขนาดไหน แต่ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับเจ้า Barracuda ของเรานั้นไม่สามารถทำความเร็วมากเกินกว่า 120mb/s ซักเท่าใดเลย สำหรับการเชื่อมต่อแบบ Serial ATA นั้นก็เป็นไปตามคาดครับคืออยู่ที่ประมาณ 120mb/s

ทีนี้มาดูการทดสอบแบบ burst speed กันบ้าง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในการทดสอบนี้นั้นการเชื่อมต่อแบบ Serial ATA สามารถทำความเร็วแซงหน้า USB 3.0 ไปได้มากกว่า 46mb/s เลยทีเดียว ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรกันขึ้น แต่ก็คาดว่านาจะเกิดมาจากปัญหาคอขวดบางประการ แต่ก็ยังดีกว่า USB 2.0 อยู่ดีล่ะครับ

สำหรับการใช้แรง CPU นั้นก็จะเห็นได้ว่า USB 3.0 นั้นกินแรงไปเพียง 3% เท่านั้นครับซึ่งก็ไม่มากเท่าไร

สรุป

แม้ว่าสเปคที่ใช่ทดสอบอาจจะยังไม่สามารถดึงความแรงของ USB 3.0 มาได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องอาศัยการต่อผ่านทาง add-in การ์ดบน interface แบบ PCI Express อยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดคอขวดขึ้น แต่อย่างน้อยการทดสอบคร่าวๆ นี้ก็อาจจะพอแสดงให้เห็นความแรงของ USB 3.0 ได้ในระดับหนึ่ง สุดท้ายนี้ถึงแม้ว่า USB 3.0 จะมีการเปิดตัวมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว แต่เราก็ยังคงไม่เห็นอุปกรณ์ที่รองรับความเร็วของมันซักเท่าไร ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากเพราะในปัจจุบันนั้นผู้ใช้งานอย่างเราๆ ท่านๆ ต่างก็ต้องการความเร็วในการรับส่งไฟล์ที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากไฟล์ต่างๆ นั้นมีขนาดใหญ่ขึ้น และ storage ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวฮาร์ดดิสต์เองและพวก thumb drive ต่างๆ ก็มีความจุที่เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องรอดูกันในช่วงปีหน้าล่ะครับว่าจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ออกมารองรับ USB 3.0 มากเพียงใด

ทีมา: Techreport, i3


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น